กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องคุณสมบัติที่ ต้านการอักเสบ นอกจากนี้ หลักฐานยังสนับสนุนว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง [1] กรดไขมันโอเมก้า 3 มีคุณสมบัติในการสร้างกลุ่มไขมันตัวกลางไกล่เกลี่ยการแก้ปัญหาเฉพาะทาง (SPMs) ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการลดและควบคุมการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและแก้ไขการอักเสบหลังจากที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว

อาหารทะเลธรรมชาติจากอลาสก้าเป็นแหล่งโภชนาการที่ดีสำหรับกรดไขมันโอเมก้า 3 โดยเฉพาะปลาแซลมอน ปลาเซเบิลฟิชและปลาแฮริง ข้อแนะนำปัจจุบันคือควรบริโภคอาหารทะเลประมาณ 8 ออนซ์ต่อสัปดาห์เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ

แร่ธาตุสังกะสีมีบทบาทสำคัญในการป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ และการขาดแร่ธาตุมักจะยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน คนส่วนใหญ่ที่รับประทานอาหารตะวันตกประจำ มักรับประทานแร่ธาตุสังกะสีในปริมาณที่ไม่เพียงพอ และควรเพิ่มแหล่งโภชนาการที่อุดมด้วยแร่ธาตุสังกะสีในอาหารที่รับประทานเป็นประจำ

หอยนางรมเป็นหนึ่งในแหล่งโภชนาการสำหรับแร่ธาตุสังกะสีที่ดีที่สุดในโลก โดยมีปริมาณถึง 291% ของมูลค่ารายวัน อาหารทะเลอื่นๆ จากอลาสก้า เช่น ปู หอยกาบ หอยแมลงภู่ และกุ้ง ก็อุดมไปด้วยแร่ธาตุนี้เช่นกัน ซึ่งถือเป็นแหล่งโภชนาการที่ดี

ซิลิเนียมเป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญที่สุดในการปรับปรุงและรักษาการทำงานของภูมิคุ้มกัน ซิลิเนียมมีเอนไซม์ กลูตาไธโอน เปอร์ออกซิเดส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันร่างกาย สารต้านอนุมูลอิสระนี้ช่วยลดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นและลดการทำลายอนุมูลอิสระในร่างกาย

อาหารทะเลธรรมชาติจากอลาสก้า เช่น ปลาแฮลิบัต ปลาร็อคฟิช และปลาแซลมอน เป็นหนึ่งในแหล่งโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับซิลิเนียม และถือเป็นแหล่งซิลิเนียมที่ดีเยี่ยม

ซิลิเนียม RDA (สารอาหารธาตุเหล็กที่ควรได้รับประจำวัน) = 55 ไมโครกรัม

• ปลาร็อคฟิช 3 ออนซ์ มีซิลิเนียม 65 ไมโครกรัม หรือ 118% DV (ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
• หอย 3 ออนซ์ มีซิลิเนียม 54 ไมโครกรัม หรือ 99% DV
• ปูดันจิเนส 3 ออนซ์ มีซิลิเนียม 41 ไมโครกรัม หรือ 75% DV (ปูคิงแครบและปูหิมะมีซิลิเนียม 34 และ 38 ไมโครกรัม ตามลำดับ ซึ่งสูงมากเช่นกัน)
• ปลาแฮลิบัต 3 ออนซ์ มีซิลิเนียม 47 ไมโครกรัม หรือ 85% DV
• ทั้งคิงแซลมอนและเคตาแซลมอน 3 ออนซ์ มีซิลิเนียม 40 ไมโครกรัม หรือ 73% DV

วิตามินดีมีบทบาทในการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อการ ติดเชื้อ เนื่องจากว่าวิตามินดีกระตุ้นการผลิตเปปไทด์ที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียภายในเซลล์ [2] ระดับวิตามินดีที่ต่ำ ซึ่งพบได้ทั่วไปในสหรัฐอเมริกา เพิ่มความไวต่อการติดเชื้อ [3] อาหารทะเลธรรมชาติจากอลาสก้าเป็นหนึ่งในแหล่งโภชนาการไม่กี่แห่งที่มีสารอาหารนี้ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

อาหารทะเลธรรมชาติจากอลาสก้าทุกรูปแบบ รวมถึง ปลาแซลมอนและปลาไวท์ฟิชทุกสายพันธุ์ ถือเป็นแหล่งโภชนาการสำหรับวิตามินดีที่ดีเยี่ยม

วิตามินดี RDA (สารอาหารธาตุเหล็กที่ควรได้รับประจำวัน) = 600 IU (15 ไมโครกรัม)

• โคโฮแซลมอน 3 ออนซ์ มีวิตามินดี 383 IU (9.6 ไมโครกรัม) หรือ 64% ของ RDA (DV ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
• ซ็อคอายแซลมอน 3 ออนซ์ มีวิตามินดี 14.2 ไมโครกรัม หรือ 95% DV
• พิงค์แซลมอน 3 ออนซ์ มีวิตามินดี 11 ไมโครกรัม หรือ 73% DV
• ปลาแฮลิบัต 3 ออนซ์ มีวิตามินดี 5 ไมโครกรัม หรือ 33% DV

วิตามินเอมีบทบาทในการทำงานของภูมิคุ้มกันและช่วยเพิ่มความสามารถของเยื่อบุผิวในการต่อต้านการบุกรุกจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค [4] ปกติแล้วเมื่อพูดถึงแหล่งโภชนาการที่มีวิตามินเอหลายคนมักนึกถึงอาหาร เช่น ผักที่มีสีส้มเข้มหรือแดง แต่ที่จริงแล้ว อาหารทะเลสามารถให้วิตามินเอได้เช่นกัน

ปลิงทะเลอลาสก้าเป็นแหล่งโภชนาการที่ดีเยี่ยมสำหรับวิตามินเอ รวมถึง หอย และปลาร็อคฟิชเช่นกัน

สารอาหารอื่น ๆ ได้แก่ วิตามินอี วิตามินเอ วิตามินซี พรีไบโอติกและโปรไบโอติก และสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เช่น N-acetyl cysteine และกรด alpha-lipoic ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันเช่นกัน

กลูตามีนเป็นกรดอะมิโนที่พบในร่างกายในปริมาณที่มากกว่ากรดอะมิโนอื่นๆ และกลูตามีนเป็นสิ่งสำคัญในการบำรุงรักษาสถานะของสารต้านอนุมูลอิสระ สุขภาพของลำไส้ และการให้พลังงานเซลล์ภูมิคุ้มกัน [5] อาหารทะเลจากอลาสก้าเป็นแหล่งโภชนาการสำหรับกลูตามีนที่ดีเยี่ยม