แม่และเด็ก

อาหารทะเลอลาสก้าสำหรับสุขภาพที่ดีของแม่และทารกระหว่างตั้งครรภ์
เมื่อผู้หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมลูก สิ่งสำคัญคืออาหารของแม่ต้องมี DHA เพียงพอสำหรับสมอง ตา ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบประสาทของทารกที่ร่างกายกำลังพัฒนา
กรดไขมันโอเมก้า-3
กรดไขมันโอเมก้า 3 DHA และ EPA เป็นไขมันที่จำเป็นที่ต้องบริโภคในอาหาร เนื่องจากร่างกายของเราไม่สามารถผลิตได้เอง การบริโภคโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอช่วยลดโอกาสที่ทารกจะเป็นโรคหอบหืดหรืออาการแพ้อื่นๆ นอกจากนี้ กรดไขมันโอเมก้า 3 ยังมีบทบาทต่อระยะเวลาของการตั้งครรภ์และช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้าระหว่างและหลังตั้งครรภ์อีกด้วย
- กรดไขมันโอเมก้า 3 DHA มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์และทารกที่กำลังพัฒนา
- DHA ยังคงมีความสำคัญหลังคลอด เนื่องจาก DHA มีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงอายุสองขวบ
- ข้อแนะนำคือผู้หญิงควรรับประทาน DHA 200 มิลลิกรัม ต่อวันในระหว่างตั้งครรภ์/ให้นมลูก
- ควรบริโภคอาหารทะเลที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 อย่างน้อย 4 ออนซ์ 2 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งแม่และลูก
- อาหารที่รับประทานควรมีอาหารทะเลธรรมชาติจาก อลาสก้าที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาเซเบิลฟิช ปลาแฮริง ปู และปลาร็อคฟิช
- อาหารทะเลจากอลาสก้าหลายสายพันธุ์มีสารปรอท ในระดับที่ต่ำ และยังมีซีลีเนียมสูงซึ่งป้องกันไม่ให้สารปรอทออกฤทธิ์ในร่างกาย
อาหารทะเลอลาสก้าและโภชนาการสำหรับทารก
กรดไขมันโอเมก้า 3 DHA จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของระบบประสาทส่วนกลาง สมอง และเรตินาของทารกในครรภ์
ทารกและเด็กเล็กควรบริโภค DHA ในระดับที่เหมาะสมผ่านทางนมแม่ และจากการรับประทานอาหารที่มี DHA สูง เช่น ปลาแซลมอนธรรมชาติจากอลาสก้า ปลาเซเบิลฟิช ปลาแฮริง ปู และปลาร็อคฟิช อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง
- การบริโภค DHA อย่างเพียงพอช่วยในเรื่องการมองเห็นและพัฒนาการด้านการรับรู้ในเด็ก
- ไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงที่มีพัฒนาการทางสมองมากที่สุด และ DHA จะถูกถ่ายโอนจากแม่สู่ลูกในอัตราที่สูงขึ้น
- สำหรับปริมาณ DHA ที่เหมาะสม คุณแม่ควรรับประทาน DHA 200 มก. ต่อวันในระหว่างตั้งครรภ์/ ให้นมลูก
- ทารกและเด็กหัดเดินควรได้รับ DHA ในระดับที่เหมาะสมผ่านทางนมแม่และอาหารที่มี DHA สูง
- อาหารที่รับประทานควรมีอาหารทะเลจากอลาสก้าที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาเซเบิลฟิช ปลาแฮริง ปลาร็อคฟิช และปลาค็อด และควรรับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งเพื่อช่วยให้สมอง เส้นประสาท และจอประสาทตาของเด็กมีพัฒนาการที่ดี